เลิกกินหวาน หันมากิน น้ำหวานดอกมะพร้าว ไม่ให้ร่างกายเครียด
Share: facebook_share line_share twitter_share messenger_share

เลิกกินหวาน หันมากิน น้ำหวานดอกมะพร้าว ไม่ให้ร่างกายเครียด


หลายคนประสบปัญหาชอบกินหวานมาก พอมาถึงจุดที่จะลดความหวาน แต่ลดไปแล้วรู้สึกเครียด อยากกินตลอดเวลา วันนี้เรามาลดน้ำตาลโดยใช้ น้ำหวานดอกมะพร้าว ( coconut syrup ) กัน

 

ทำไมคนถึงชอบกินหวาน

     เป็นที่อดใจกันไม่ไหว ทั้ง ชาไข่มุก เค้ก ชีสเค้ก น้ำอัดลม หวานเย็น พูดมาแต่ละอย่างแล้วก็น้ำลายไหล เที่ยงนี้ต้องไปโดนน้ำอัดลม สักกระป๋อง ความหวาน เป็นสิ่งที่เราชอบตั้งแต่เด็ก เพราะอะไร ความหวาน ทำให้เรารู้สึกดี กินไปแล้วอารมณ์ดี และ ช่วยผ่อนคลายอาการเครียดได้ดีอีกด้วย ความหวานทำให้เรากินได้ง่าย เพราะหวานกินยังไงก็ได้ แต่การกินยังไงก็ได้ ไม่ใช่กินเท่าไรก็ได้นะครับ

 

อาการติดหวานเป็นยังไง ?

     เอาจริง ๆ อาการติดหวานดูได้ง่าย ๆ เลยว่าร่างกายของเรา โหยหาความหวานอยู่ตลอดเวลาหรือไม่ กินข้าวเสร็จต้องกินหวานต่อ จะเป็นแบบนี้ไหม หากเราเป็นอาหารแบบนี้บ่อย ๆ ขาดหวานไม่ได้ แสดงว่าตัวของเราเริ่มมีอาการติดหวานแล้ว ยิ่งกินก๋วยเตี๋ยวใส่น้ำตาลเยอะ ไม่ต้องพูดถึง ติดหวานแล้วแน่นอน

 

วิธีแก้ติดหวานแบบไม่เครียด

     ให้เริ่มที่ทำใจให้สบาย เพราะเราจะไม่เลิกแบบหักดิบ แต่จะเป็นการค่อย ๆ ลดปริมาณน้ำตาลที่รับประทานในแต่ละวันลงให้น้อยกว่าเดิม

     เลิกกินของหวานหลังอาหารทุกมื้อ ลองลดของหวานในมื้อเย็น และ บริโภคของหวานในเวลากลางวันแทน  หรือ ถ้าหลังอาหารเย็นมีความอยากของหวานจริง ๆ ให้เปลี่ยนเป็นผลไม้ อาทิ แอปเปิ้ล ส้ม สาลี่ สับปะรด หรือ แตงโมที่มีน้ำเยอะจะได้ชื่นใจ

     เปลี่ยนจากการรับประทานน้ำหวานเป็นน้ำเปล่า หรือ ถ้าไม่ไหวจริง ๆ ให้เลือกน้ำผลไม้คั้นสด หรือ น้ำผลไม้ปั่นแบบไม่ใส่น้ำตาลเพิ่ม เพราะในผลไม้มีน้ำตาลธรรมชาติอยู่แล้ว ส่วนเวลาบ่าย ๆ คุณสามารถดื่มชาใส่นม หรือ โยเกิร์ตพร้อมดื่มแบบปราศจากน้ำตาลก็ได้

     กินน้อยแต่กินนาน หากเราอยากจะกินหวาน เช่น สั่งน้ำแข็งใสสักถ้วย ให้เราใช้เวลากินกับมันนาน ๆ หน่อย ใส่ใจละทุกการเคี้ยว ให้ลิ้นร่างกายจิตใจ ดูดซึมอย่างเต็มที่ จะทำให้รู้สึกว่ากินน้ำแข็งใสถ้วยนี้นานจังทั้ง ๆ ที่ก็ไม่ได้เยอะอะไร

 

กินหวานมากไปทำให้เกิดโรค

  • เกิดไขมันสะสม

     น้ำตาลที่เรากินเข้าไปมันจะเข้าไปเก็บสะสมไว้ที่ตับในรูปของไกลโคเจน แต่หากปริมาณที่กินมากเกินไปตับก็จะส่งต่อไปยังกระแสเลือดจากนั้นก็จะเปลี่ยนมาอยู่ในรูปของกรดไขมัน ซึ่งมักจะสะสมไว้ตามส่วนที่ร่างกายเคลื่อนไหวน้อยที่สุดอย่างเช่น หน้าท้อง ก้น สะโพก และ ต้นขา

  • ก่อให้เกิดความดันเลือดเพิ่มสูง

      เมื่อคุณยังคงกินน้ำตาลปริมาณมากอย่างต่อเนื่องทุกวัน กรดไขมันที่ถูกสะสมไว้กับอวัยวะภายในต่าง ๆ อย่างหัวใจ ตับ และ ไตก็จะถูกไขมันเข้าไปห่อหุ้ม รวมถึงน้ำเมือกจากนั้นร่างกายก็จะเกิดความผิดปกติยิ่งขึ้นทั้งยังมีภาวะความดันเลือดเพิ่มสูงขึ้นอีกด้วย

  • ทำให้เกิดอาการง่วงนอน

     โดยเฉพาะการกินอาหารรสหวานตอนมื้ออาหารเที่ยงเป็นต้นไป รอบบ่ายจะมีผลต่อการทำงานของสมอง เราจะรู้สึกง่วงนอนมากสุด ๆ

  • ก่อให้เกิดโรคกระดูกเปราะ และ ฟันผุในเด็ก

     สำหรับเด็กที่กินน้ำตาลมากเกินไปก็จะทำให้เกิดโรคกระดูกเปราะ และ มีปัญหาฟันผุได้ ทั้งยังนำมาสู่ภาวะอารมณ์ทำให้เป็นคนสมาธิสั้น และ โกรธง่ายอีกด้วย

  • ก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพต่าง ๆ

     เคยสังเกตไหม หลายครั้งที่มักปวดศีรษะบ่อย ๆ ปวดไมเกรน เป็นตะคริวช่วงมีรอบเดือน สิว ผื่น กระ แผลพุพอง แผลริดสีดวงทวารหนัก เบาหวาน วัณโรค โรคหัวใจ และ มะเร็งตับ อาการเจ็บป่วย และ โรคต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนมีภาวะความสัมพันธ์จากการกินน้ำตาลมากเกินไปนั่นเอง

โรคที่ตามมาเมื่อทานหวานมาก ๆ

  • โรคเบาหวาน

     ภาวะต้านอินซูลินที่รุนแรง จะทำให้ตับอ่อนไม่สามารถรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้ต่ำลงได้ ระดับน้ำตาลในเลือดที่พุ่งสูงขึ้น หรือ สวิงขึ้นลง จะทำให้คุณเป็นโรคเบาหวานได้ในที่สุด

  • โรคหัวใจ

     อาหารที่มีน้ำตาลสูง เป็นตัวเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจ เพราะน้ำตาลมีผลต่อกระบวนการสูบฉีดของหัวใจ เพิ่มระดับไตรกลีเซอไรด์ ไขมันเลว กลูโคส และอินซูลินในกระแสเลือด

  • ไขมันพอกตับ

     เมื่อตับสังเคราะห์ฟรักโทสให้กลายเป็นไขมันแล้ว ก็จะนำไปเก็บไว้ตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะที่ตับ

  • ไขมันในเลือดสูง

     เมื่อกินอาหารประเภทแป้ง และ น้ำตาลมาก ๆ จะทำให้เกิดการสะสมไตรกลีเซอไรด์ขึ้นในร่างกาย ทำให้ปริมาณไขมันในเลือดสูงขึ้น

  • โรคอ้วน

     ความหวานจะทำให้รู้สึกหิวมากขึ้น และ ไม่รู้สึกอิ่ม คุณจะรู้สึกว่า กินเท่าไรก็ไม่พอเสียที และมีน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นได้อย่างง่ายดายโดยไม่รู้ตัว

  • ความดันโลหิตสูง

     น้ำตาลทำให้ฮอร์โมนแคทีโคลามีน และ กรดยูริกสูง ซึ่งต่างก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคความดันโลหิตสูงทั้งสิ้น

  • ไมเกรน

     น้ำตาล และ ของหวานต่าง ๆ เป็นหนึ่งในอาหารที่กระตุ้นให้เกิดอาการไมเกรน

  • ฟันผุ

     น้ำตาลนั้นย่อยง่าย แบคทีเรียในช่องปากจึงสามารถเพิ่มจำนวนได้อย่างรวดเร็ว จนเป็นสาเหตุของปัญหาในช่องปากต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ฟันผุ เคลือบฟันกัดกร่อน โรคเหงือก และ กลิ่นปาก

  • มะเร็ง

     อินซูลินเป็นฮอร์โมนที่ใช้ควบคุมการเจริญเติบโต และ การเพิ่มขึ้นของเซลล์มะเร็ง การเพิ่มขึ้นของอินซูลิน และ ระดับอินซูลินที่ไม่คงที่ ก็อาจทำให้มีเซลล์มะเร็งเติบโตอยู่ในร่างกายของคุณได้

  • โรคกระดูกเปราะ

     น้ำตาลสามารถซึมเข้าสู่กระแสเลือดได้อย่างรวดเร็ว ทำเกิดความไม่สมดุลในเลือด เมื่อเลือดมีความเป็นกรดมากขึ้น ร่างกายจึงต้องปรับสมดุลโดยการดึงแร่ธาตุต่าง ๆ ที่สะสมอยู่ในกระดูกมาใช้แทน

 

อยากกินหวานให้ปลอดภัย กิน น้ำหวานดอกมะพร้าว ( coconut syrup )

     น้ำหวานดอกมะพร้าว ( coconut syrup ) มีส่วนช่วยในการเพิ่มความงามให้ผิวเรียบเนียนขึ้น ช่วยเสริมพลังงาน และ ปรับระบบการขับถ่ายให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น น้ำหวานดอกมะพร้าว ( coconut syrup ) มีส่วนช่วยในการควบคุมความดันให้เป็นปกติได้ดี ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดให้ต่ำลง และ ป้องกันโรคเบาหวานได้  น้ำหวานดอกมะพร้าว ( coconut syrup ) ช่วยบรรเทาอาการในคนที่มีปัญหาคอเลสเตอรอลสูงได้

     คนที่ชอบกินหวาน ก็สามารถกินได้อย่างปลอดภัย เพราะความหวานแบบนี้ดีต่อสุขภาพ กินทั้งนี้ต้องกินในปริมาณที่เหมาะสมในการกินอีกด้วย ทุกอย่างต้องอยู่ในความพอดีนะครับ

 

สุขภาพที่ดี เริ่มได้ที่ตัวคุณ

ด้วยความปรารถนาดีจาก น้ำหวานดอกมะพร้าว ออร์แกนิค ตราแมนเนเจอร์ ( Organic Coconut Syrup By ManNature )

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

10 วิธีลดหวาน ที่ใครๆก็ทำได้

ความหวาน ที่คุณคู่ควร


Tag :


บทความที่แนะนำ