ฝึกลูกให้เลิกติดหวาน หันมาลองหวานธรรมชาติจาก น้ำหวานดอกมะพร้าว
Share: facebook_share line_share twitter_share messenger_share

ฝึกลูกให้เลิกติดหวาน หันมาลองหวานธรรมชาติจาก น้ำหวานดอกมะพร้าว


เด็กมักเห็นของหวานเป็นสิ่งวิเศษอยู่เสมอ แม้กระทั่งผู้ใหญ่ก็ยังชอบกินเลย แต่จะทำยังไงให้เลิกติดกินของหวานบ่อยเกินไป ลองหันมาใช้ความหวานจากธรรมชาติอย่าง น้ำหวานดอกมะพร้าว ( Coconut Syrup ) กันดีไหม

 

     พ่อแม่ทุกคนย่อมอยากให้ลูกมีสุขภาพที่ดี แข็งแรง แต่เด็กก็คือเด็ก มักชอบ และโหยหาของหวานอยู่เป็นประจำ จนทำให้เด็กถึงกับติดกินของหวาน จนส่งผลให้ติดหวานมากจนเกินไป วันนี้ไม่ว่าจะพ่อแม่มือใหม่หรือพ่อแม่มืออาชีพก็สามารถเลี้ยงลูกให้ห่างไกลโรคที่ตามมากับการกินของหวานได้อย่างแน่นอน

 

1. พ่อแม่เป็นต้นเหตุหรือเปล่า

     ข้อนี้เป็นสิ่งสำคัญมาก พ่อแม่บ้างคนอาจจะยังไม่รู้ว่าตัวเองเป็นต้นเหตุให้ลูกติดหวาน อย่างการทำอาหารที่ติดรสชาติหวาน หรือแม้กระทั่งสนับสนุนให้ลูกกินของหวาน แต่ในที่นี่ไม่ได้หมายถึงว่า จะไม่ให้กินหวานตลอดไป แต่ต้องอยู่ในปริมาณที่พอดีจากการควบคุมของผู้ปกครอง เพื่อสุขภาพของเด็ก ๆ ในอนาคต

 

2. จำกัดปริมาณขนม

     หากต้องการฝึกให้ลูกเลิกติดหวาน ต้องเริ่มต้นด้วยมาตรการจำกัดปริมาณของหวานที่ควรได้รับในแต่ละวัน หรือเป็นมื้อเท่าที่จะควบคุมได้ เช่น กำหนดให้ลูกกินขนมได้ 1 อย่างในหนึ่งมื้อ หรืออนุญาตให้กินขนมได้เฉพาะตอนหลังเลิกเรียนเท่านั้น ควรจำกัดในปริมาณที่เหมาะสม สมกับวัยของเด็ก ๆ

 

3. รางวัลเป็นของหวานต้องเลิก

     บอกเลิกการให้รางวัลเป็นของหวาน ไม่เอาอีกแล้วกับการกระทำแบบนี้ เพราะไม่ว่าลูกจะทำอะไรสำเร็จ เรามักจะให้ลูกอม ขนมหวาน เป็นของรางวัลให้กับเด็กซึ่งการทำแบบนี้จะทำให้เด็กติด และการให้ของหวานเหล่านี้ไม่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายของเด็ก ๆ เลย ลองเปลี่ยนรางวัลมาเป็นการหอม การกอด หรือกินอาหารที่มีประโยชน์ ของเล่นที่เสริมทักษะ แทนที่จะให้ลูกอมหรือของหวานดีกว่านะคะ ลองดูไม่เสียหาย แถมลูก ๆ ยังได้สุขภาพดีกลับไปอีกด้วย

 

4. เปลี่ยนแนวคิดแบบใหม่

     การเปลี่ยนแนวคิดแบบใหม่ก็คือ แทนที่จะให้ลูกกินพวกน้ำหวาน น้ำอัดลม ลูกอม หรือของที่หวานมากเกินไป ให้เปลี่ยนมาเป็นการกินผลไม้ น้ำผลไม้ หรือ น้ำหวานที่มาจากธรรมชาติ อย่าง น้ำหวานดอกมะพร้าวออร์แกนิค ( Coconut Syrup ) ที่ไม่ใช่วัตถุกันเสีย ไม่เติมสี ไม่ใส่กลิ่น รวมทั้งไม่เจือปนน้ำตาลทรายแดง สามารถใช้แทนความหวานของน้ำผึ้ง หรือน้ำเชื่อมได้ ข้อดีอีกอย่างคือ คนที่เป็นโรคเบาหวานก็สามารถกินได้ กลิ่นที่หวานหอมอร่อยมาจากธรรมชาติ กินได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่

 

5. ดูแลสุขภาพร่างกายหลังกินหวาน

     จากข้อความที่กล่าวมา ของหวานอาจส่งผลเสียต่อร่างกายหากกินในปริมาณที่มากเกินไป แต่สิ่งที่จะช่วยได้ก็คือ ดูแลสุขภาพด้วยการ ออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ หากกินหวานแล้วไม่ออกกำลังกาย จะทำให้น้ำหนักของลูกคุณเพิ่มสูงขึ้นและผลเสียที่ตามมาของเด็กติดหวานก็คือ โรคอ้วน โรคเบาหวานถามหา นะคะ

 

          เคล็ดลับการปรับแก้พฤติกรรมลูกติดหวาน

1. คุณพ่อคุณแม่ต้องหมั่นสังเกตฉลากขนมเวลาจะซื้อให้ลูกนะคะ ดูด้วยว่ามีปริมาณน้ำตาล หรือน้ำเชื่อมมากขนาดไหน เพราะ อ.ย.ของอเมริกาบอกว่า ถ้าจะให้ปลอดภัย เด็กที่อายุประมาณ 3 ขวบขึ้นไป ไม่ควรกินน้ำตาลเกินวันละ 12.5 ช้อนชาค่ะ

2. พยายามชักจูงให้ลูกกินนมสด หรือน้ำดื่ม แทนพวกน้ำผลไม้กับน้ำอัดลมนะคะ เพราะสองอย่างหลังนี่เป็นแหล่งรวมน้ำตาลชั้นดีเลย

3. ระมัดระวังเป็นพิเศษเวลาจะเลือกซื้อขนมหวานให้ลูกกิน โดยเฉพาะที่เหนียวๆนะคะเพราะจะติดฟันได้ง่าย เช่นผลไม้อบแห้ง ดูเผิน ๆเหมือนอาจจะไม่เป็นอะไรเพราะยังไงก็เป็นผลไม้ แต่จริง ๆ แล้วน่ากลัวว่าพวกช็อคโกแลตอีกค่ะ เพราะมันเหนียวมาก แปรงก็แปรงออกยากด้วย

4. พวกขนมปังกรอบ หรือมันฝรั่งทอดกรอบก็ต้องระวังนะคะ มันอาจจะมีเกลือ ไม่มีน้ำตาลก็จริง แต่มีแป้ง มีคาร์โบไฮเดรตซึ่งจะแปรสภาพเป็นน้ำตาลทีหลังได้เหมือนกันค่ะ และที่นอกจากนี้เศษกรอบ ๆ ที่ลูกเคี้ยวจะเข้าไปติดตามซอกฟันด้วย

5. ถ้าเราอยากให้ลูกทำตัวยังไง เราก็ต้องทำให้ลูกเห็นเป็นตัวอย่างก่อน อยากให้ลูกเพลา ๆ การกินขนมหวานลง เราก็ต้องไม่กินจุกจิกให้ลูกเห็น ไม่นั่งกินช็อคโกแลตวันละเป็นแท่ง กินขนมวันละเป็นโหล ถ้าไม่อย่างนั้นลูกก็จะเถียงได้ว่า ‘อ้าว ไหนพ่อแม่บอกว่าขนมหวานกินมากไม่ดีไง แล้วทำไมถึงกินเสียเองล่ะ?’ แล้วลูกก็จะไม่เชื่อในสิ่งที่เราสอน ทีนี้ก็จะจูนพฤติกรรมกันยากแล้วล่ะค่ะ

 

          อาหารที่ถูกโภชนาการของลูกในแต่ละช่วงอายุ

  • อายุแรกเกิด – 6 เดือน

     เด็กในวัยนี้ควรทานแต่นมแม่อย่างเดียว แต่หากเด็กที่ไม่สามารถทานนมแม่ได้ก็ให้ทานนมผงสำหรับเด็กแรกเกิดแทน เพราะในนมแม่มีสารอาหารที่ครบถ้วนดีอยู่แล้ว อีกทั้งย่อยง่าย เป็นมิตรกับระบบย่อยอาหารของทารก

  • อายุ 6 – 9 เดือน

     ทานอาหารเสริมวันละ 1 มื้อ ควบคู่ไปกับนม เน้นให้ครบ 5 หมู่ เน้นรสธรรมชาติ ไม่ต้องปรุงรสอะไรนะคะ

  • อายุ 9 – 12 เดือน

     เพิ่มอาหารเสริมเป็น 2 มื้อ ควบคู่ไปกับนมอยู่ สามารถเสริมผลไม้เป็นของว่างได้ เน้นผลไม้ที่นิ่ม ทานง่าย ย่อยง่าย

  • อายุครบ 1 ขวบ

     สามารถทานอาหารให้ครบ 3 มื้อได้แล้วค่ะ ส่วนนมให้เป็นเพียงของว่างแทน แต่ยังคงเน้นรสธรรมชาติอยู่ ไม่ปรุงรสมากหรือถ้าไม่ปรุงเลยยิ่งดี

  • อายุ 1 – 3 ขวับ

     หลักการจัดอาหารสำหรับเด็กวัยก่อนเรียน

1. จัดอาหารให้มีคุณค่าทางโภชนาการในมื้อหลักควรมีอาหารครบทั้ง 5 หมู่ เพื่อให้เด็กวัยนี้ได้พลังงาน และสารอาหารเพียงพอกับความต้องการของร่างกาย

2. จัดอาหารให้น่ารับประทาน เพื่อกระตุ้นให้เด็กอยากรับประทานอาหาร ให้อาหารมีกลิ่น สี น่ารับประทานโดยรักษาสีธรรมชาติของอาหารไว้

3. จัดอาหารให้หลากหลาย อาหารมีลักษณะที่แตกต่างกัน เช่น มีนุ่ม กรอบ เหลว เป็นต้น

4. จัดอาหารให้มี 4 – 5 มื้อ ใน 1 วัน โดยมื้อว่างควรเป็นอาหารที่มีประโยชน์ ไม่ควรเป็นอาหารว่างที่หวานจัด หรืออาหารที่ทอดโดยใช้น้ำมันมาก ๆ เพราะจะทำให้เด็กได้รับพลังงานมากเกินไป อาจเป็นสาเหตุทำให้เด็กอ้วนได้

5. จัดอาหารแปลกใหม่ที่มีประโยชน์ให้เด็กทานเสมอๆ ถ้าเด็กไม่ทานก็ไม่ควรบังคับเว้นระยะแล้วให้ลองทานใหม่

6. รสชาติของอาหารที่จัดให้เด็กไม่ควรรสจัดจนเกินไป ไม่ว่าจะเป็นรสหวาน เค็ม เปรี้ยว

7. ให้เด็กมีส่วนร่วมในการคิดรายการอาหาร จะทำให้เด็กทานอาหารมากขึ้น

 

     หากจะเลือกกินหวาน อย่าลืมหาของที่ทำมาจากธรรมชาติอย่างพวก น้ำหวานดอกมะพร้าวออร์แกนิค ( Coconut Syrup ) กันนะคะ เป็นหวานทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพที่เราอยากแนะนำมากในตอนนี้ เพราะ หวานแต่มีประโยชน์ต่อร่างกายจริง ๆ แถมดัชนีน้ำตาลต่ำ เหมาะกับผู้ใส่ใจในสุขภาพ ไม่ว่าเพศไหน อายุเท่าไหร่ก็สามารถกินหวานจาก น้ำหวานดอกมะพร้าวออร์แกนิค ( Coconut Syrup ) ได้เสมอ

 

สุขภาพที่ดี เริ่มได้ที่ตัวคุณ

ด้วยความปรารถนาดีจาก น้ำหวาน ดอกมะพร้าว ออร์แกนิค ตราแมนเนเจอร์ ( Organic Coconut Syrup By ManNature )

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

- ชดเชยน้ำจากการเสียเหงื่อได้ ด้วยน้ำหวานดอกมะพร้าว

- เพิ่มความสดชื่นในร่างกายด้วย น้ำหวานดอกมะพร้าว

- รับมืออาการเครียด ด้วยการทาน น้ำหวานดอกมะพร้าว


Tag :


บทความที่แนะนำ